รองโฆษกนายกฯ เผย ประยุทธ์ รับรู้ถึงความกังวลพร้อมสั่งสรรพากร ชี้แนวทางยื่นและคิด ภาษีคริปโต ชัดเจน หลังถูกประชาชนสับเละ น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้รับทราบถึงข้อกังวลของหลายฝ่ายต่อกรณีที่กรมสรรพากรได้กำหนดให้ผู้ที่มีกำไรจากการขายสินทรัพย์ดิจิทัลต้องยื่นแบบเสียภาษี หรือที่เรียกว่าการเสียภาษีคริปโตเคอเรนซี ว่าจะสร้างอุปสรรคต่อการพัฒนาตลาดการเงินสมัยใหม่ รวมถึงสร้างสิ่งแวดล้อมที่ไม่เอื้อให้สตาร์ทอัพกลุ่มฟินเทคเข้ามาลงทุนในประเทศไทย
ทั้งนี้ รัฐบาลไม่มีนโยบายปิดกั้นการพัฒนาใหม่ ๆ ไม่ว่าจะในอุตสาหกรรมใดรวมถึงกลุ่มฟินเทค
เพียงแต่ส่วนใดที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ มีกลุ่มคนเข้าใจในวงจำกัดและจะเกี่ยวข้องกับการนำทรัพย์สินของประชาชนมาลงทุนนั้น รัฐบาลต้องใช้ความระมัดระวัง พิจารณาอย่างรอบด้านก่อนให้การสนับสนุน เช่นที่ผ่านมา มีสตาร์ทอัพกลุ่มเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มาระดมทุนในประเทศไทยมาก รัฐบาลก็ออกนโยบายยกเว้นภาษีกองทุนร่วมลงทุน (Venture capital) ให้ จูงใจให้มีการลงทุนจริงในประเทศ ส่วนการซื้อขายคริปโตเคอเรนซีนั้นยังเน้นการซื้อขายเหรียญเพื่อทำกำไรเท่านั้น ขณะที่ความเข้าใจของผู้ลงทุนยังอยู่ในวงจำกัด
อย่างไรก็ตาม กรณีที่มีผู้ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลได้สะท้อนว่า หลักเกณฑ์การคิดภาษีจากกำไรการขายสินทรัพย์ดิจิทัลของผู้ลงทุนแต่ละประเภทยังไม่มีความชัดเจน นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กรมสรรพากร กระทรวงการคลังดำเนินการชี้แจงให้เกิดความชัดเจนต่อไป
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า รัฐบาลได้ติดตามการเติบโตของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลมาโดยตลอด โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายกระทรวงการคลังให้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และภาคเอกชนในการศึกษาความเหมาะสมในเชิงนโยบาย โดยข้อมูลล่าสุดก็ได้เห็นพัฒนาการของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลว่าเริ่มเป็นที่นิยม แต่ก็ยังยอมรับกันในวงจำกัด หากเร่งให้การสนับสนุนโดยไม่พิจารณาอย่างรอบด้าน อาจเกิดวิกฤตคริปโตฯ เช่นเดียวแบบเดียวกับวิกฤตการเงินได้
“รัฐบาลไม่ปฏิเสธการพัฒนาตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล นโยบายของท่านนายกรัฐมนตรีคือต้องให้ผู้ลงทุนมีความเข้าใจ รู้เท่าทันในระดับที่มากและกว้างขวางพอ วางเกณฑ์การกำกับที่ดีและมีนโยบายการสนับสนุนด้านต่าง ๆ รวมถึงเรื่องของภาษีไปพร้อมกัน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจสูงสุด และท่านก็ได้ฝากความห่วงใยถึงผู้ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลทุกคน ว่าขอให้ทำความเข้าใจตลาดอย่างรอบด้านก่อนตัดสินใจลงทุนด้วย” น.ส.ไตรศุลี กล่าว
‘อนุทิน’ สั่ง กระจายชุดตรวจ ATK อีกล้านชุด หวังลดราคาเหลือ 20-40 บาท
อนุทิน สั่ง สปสช. กระจายชุดตรวจ ATK อีกล้านชุด เชื่อลดราคาในท้องตลาดเหลือ 20-40 เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ดูแลตนเองได้ นาย อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข (สธ.) ได้กล่าวว่าถึง การประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) เมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า ทางที่ประชุม ทราบถึงสถานการณ์โรคโควิด 19 สายพันธุ์โอมิครอนในประเทศไทย
พร้อมขอให้หน่วยบริการทุกแห่ง ทุกระดับ เร่งรัดการตรวจคัดกรองการติดเชื้อ หรือกระจายชุดตรวจ ATK ให้ประชาชนตรวจเอง โดยเฉพาะประชาชนที่อยู่ในชุมชนแออัด ตลาด ขนส่งสาธารณะ เป็นต้น เพื่อค้นหาผู้ติดเชื้อและป้องกันการแพร่ระบาดในวงกว้าง
นายอนุทินกล่าวว่า “ส่วนชุดตรวจ ATK ที่ สปสช.จัดซื้อผ่านหน่วยงาน สธ.ก่อนหน้านี้ ยังคงเหลือประมาณ 1 ล้านชุด คงจะมีการเร่งกระจายไปยังจังหวัดต่างๆ เพื่อให้ประชาชนตรวจเชื้อโควิด 19 ด้วยตนเองต่อไป ซึ่งการจัดซื้อชุดตรวจ ATK ของ สปสช.ส่งผลให้ ATK ที่จำหน่ายในท้องตลาด จากชุดละ 200-300 บาท เหลือเพียง 20-40 บาท เป็นราคาอยู่ในระดับที่ประชาชนสามารถซื้อได้เพื่อดูแลตนเอง ลดความกังวล และส่งผลต่อการเข้ารับการรักษาพยาบาลต่อไป”
นายอนุทิน กล่าวว่า ส่วนสายด่วน สปสช. 1330 ด้วยสถานการณ์ที่มีผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มสูงขึ้น ทำให้จำนวนสายของประชาชนที่โทรเข้ามาเพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นกัน เช่น ขอคำแนะนำบริการ ขอเตียงรักษา เป็นต้น ซึ่งขณะนี้ สปสช.ได้เตรียมความพร้อมสายด่วน สปสช. 1330
โดยจัดเตรียมเจ้าหน้าที่จำนวน 230 คน สามารถรับสายได้สูงสุดจำนวน 20,000 สายต่อวัน เพื่อรองรับประชาชนที่โทรเข้ามาติดต่อขอความช่วยเหลือ อาทิ จับคู่ผู้ติดเชื้อในระบบการดูแลผู้ติดเชื้อที่บ้านและในชุมชน (Home Isolation / Community Isolation) การโทรติดตามอาการ และการประสานหาเตียงหากต้องต้องการรับการรักษาในโรงพยาบาล เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนสายประชาชนที่โทรเข้ามาประมาณ 4,500-5,000 สายต่อวัน
“ขณะนี้ทุกฝ่ายในระบบสาธารณสุขเตรียมพร้อมรับมือการแพร่ระบาดของโควิดที่มีแนวโน้มพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ที่ผ่านมา สปสช.เป็นหน่วยงานสนับสนุนการดูแลผู้ติดเชื้อโควิดให้เข้าถึงบริการ นอกจากงบประมาณแล้วยังร่วมให้บริการประชาชนผ่านกลไกสายด่วน สปสช. 1330 และร่วมจัดระบบ Home Isolation และ Community Isolation รวมถึงกระจายชุดตรวจ ATK
ที่ผมไปฉีดตอนหัวค่ำเพราะเป็นวัคซีนเหลือของวัน ซึ่งทางโรงพยาบาลต้องโทรหาคนที่แจ้งความประสงค์ฉีดวัคซีนไว้ ให้ไปฉีด เพื่อไม่ต้องทิ้งวัคซีนที่มีค่า ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ซึ่งผมไม่รู้จัก และไม่เคยคุยกันมาก่อน ก็ออกมาให้สัมภาษณ์กับ Top News เองว่ากระบวนการทุกอย่างเป็นไปตามปกติ
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป